Wonder Woman 1984 จะพา “ไดอาน่า ปริ้นซ์” ไปสู่ช่วงเวลาหลายปีหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหนังภาคแรกในตอนนี้เจ้าหญิงแห่งอเมซอนผู้ไม่ย่อท้อจะต้องไปเผชิญหน้ากับ “ชีต้า” ในช่วงระหว่างสงครามเย็นยุค 80
Wonder Woman ยังสร้างอานิสงส์ลามมาถึงฝั่งมาร์เวล ให้กล้าเคาะไฟเขียวกับหนังซูเปอร์ฮีโรฝ่ายหญิงออกมาบ้าง ถือเป็นจุดกำเนิดให้เราได้เห็นขุ่นแม่ Captain Marvel ออกมาวาดลวดลายและตามด้วยหนังเดี่ยวของ Black Widow ที่เป็นซูเปอร์ฮีโรรายเดียวในประวัติศาสตร์เลยมั้งที่มีหนังภาคแยกของตัวเอง หลังจากที่เจ้าตัวได้ตายไปแล้วในเส้นเรื่องหลัก
สำหรับ Wonder Woman 1984 นั้นมองเห็นได้ชัดตั้งแต่ชื่อเรื่องว่า แพตตี้ เจนกินส์ พยายามที่จะหาช่องทางการนำเสนอที่แตกต่างจากขนบของหนังซูเปอร์ฮีโร ด้วยการกำหนดให้เรื่องราวเกิดขึ้นในปี 1984 นำจุดเด่นของยุค 80s มาใช้เป็นฉากหลังได้อย่างชัดเจน ยังพาตัวตนของ ไดอานา พรินซ์ ให้เข้าสู่วิถีชีวิตเหมือนกับซูเปอร์ฮีโรอีกหลายราย ที่มีฉากหน้าในการเป็นมนุษย์เดินดินกินเงินเดือน ในภาคนี้ไดอานา ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่โบราณคดีในพิพิธภัณฑ์สมิธโซเนียน ในหนังเล่าเรื่องให้พอเข้าใจได้ว่าเธอทำงานที่นี่มาสักระยะหนึ่งแล้ว เธอได้รู้จักกับเจ้าหน้าที่โบราณคดีหน้าใหม่ ดร.บาร์บารา มิเนอร์วา ดอกเตอร์ผู้เชี่ยวชาญทางวัตถุโบราณ ทั้งคู่ช่วยกันวิเคราะห์หาที่มาของ ก้อนหินลึกลับจากชนเผ่ามายา ด้วยความบังเอิญทำให้ทั้งคู่พบว่า หินศักดิ์สิทธิ์ก้อนนี้มีพลังวิเศษสามารถขอพรอะไรก็ได้แล้วคำขอนั้นจะเป็นจริง แต่ก็มี แมกซ์เวลล์ ลอร์ด นักธุรกิจจอมฉ้อฉลที่ตามล่าหินศักดิ์สิทธิ์ก้อนนี้มาอย่างยาวนานได้ใช้อุบายหลอกล่อเอาหินศักดิ์สิทธิ์ก้อนนี้ไปครอบครองเพื่อสนองตัณหาให้ตัวเอง แล้วสร้างความปั่นป่วนให้กับโลก ทำให้วันเดอร์ วูเมน ต้องออกโรงจัดการและแก้ไขสถานการณ์วายป่วงนี้
การตัดสินใจของ Warner Bros. เกิดขึ้นในสถานการณ์ที่โรงภาพยนตร์ทั่วโลก ยังไม่สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้อย่างเต็มรูปแบบ เพราะการระบาดของไวรัส COVID-19 ซึ่งตอนนี้สถานการณ์ก็ยังไม่ได้ดีขึ้นเลย แม้จะมีข่าวการเริ่มต้นใช้วัคซีนแล้วก็ตาม
โดยในปี 2021 Warner Bros. จะฉายหนังในโรงภาพยนตร์ต่อไป แต่ก็ยังปล่อยหนังลงสตรีมมิงให้คนที่ไม่สามารถไปโรงภาพยนตร์ได้ ให้ได้ชมพร้อมกันไปด้วย โดยเฉพาะสำหรับโรงภาพยนตร์ในต่างประเทศนอกสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าแม้ในหลาย ๆ ประเทศสถานการณ์ของ COVID-19 จะไม่รุนแรงเท่าสหรัฐฯ แต่ผู้ชมก็ยังไม่พร้อมที่จะกลับไปดูหนังในโรงหนังอยู่ดี ผลตอบรับของหนังอย่าง Tenet และ Wonder Woman 1984 จึงค่อนข้างน่าผิดหวัง
แม้แต่ตลาดหนังจีนที่โรงหนังกลับมาเปิดดำเนินการบ้างแล้ว ยอดขายตั๋วก็ยังลดลงอย่างน่าเป็นห่วง โดยในเดือน ต.ค. ยอดขายตั๋วหนังในจีนต่ำกว่าปีก่อนถึง 29% ส่วนในเดือน พ.ย. ก็ต่ำกว่าช่วงเวลาเดียวกันถึง 51%
ติดตามหนังใหม่ๆได้ก่อนใครเพื่อน ที่ moviecr7.com ค่ะ
ใส่ความเห็น